วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

กีวี (Kiwi fruit /Chinese gooseberry)





กีวี (Kiwi fruit /Chinese gooseberry)
http://misterfruitthailand.com/images/px.gif

ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Actinidia chinensis


กีวี เป็นผลไม้เมืองหนาว มีชื่อสามัญว่า Kiwi fruit และ Chinese gooseberry ภาษาจีนเรียกกีวีว่า หมีโหวเถา (mi houtao) ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Actinidia chinensis L. 

ก่อนอื่นเรามาดูถิ่นกำเนิดของกีวีกันครับ

กีวีมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศจีน พบมากแถบลุ่มแม่น้ำฉางเจียง แยงซีเกียง) ในสมัยก่อนกีวีได้รับการยกย่องจากพระมหาจักรพรรดิ ว่าเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเลิศ กีวีเริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายนอกประเทศจีนในช่วงปี ค.ศ. 1800-1900 จากนั้นมีคนนำไปปลูกในประเทศนิวซีแลลนด์ ช่วงปี ค.ศ. 1906 และมีการปรับปรุงพันธุ์จนได้ผลกีวีที่มีรสชาติยิ่งขึ้นเมื่อแรกนำผลไม้ชนิด นี้เข้าปลูกในประเทศนิวซีแลนด์ใช้ชื่อเดิมว่า Chinese gooseberry ต่อมานิวซีแลนด์ได้กลายเป็นประเทศผู้ปลูกและส่งออกกีวีรายใหญ่ที่สุดของโลก จึงได้เปลี่ยนชื่อเรียกผลไม้ชนิดนี้เป็น kiwi fruit ตามสัญลักษณ์ของประเทศ ซึ่งก็คือนกกีวีนั่นเอง ในเมืองไทยได้มีการทดลองนำกีวีเข้ามาปลูกในพื้นที่บนดอยอ่างขาง และดอยขุนวาง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

กีวีเป็นไม้ผลัดใบ ประเภทไม้เลื้อย กิ่งและใบมีขนสีน้ำตาลแดงปกคลุม ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงตัวแบบสลับก้านใบยาว ดอกเป็นแบบไม่สมบูรณ์เพค ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียจะอยู่ต่างต้นกัน มีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกตัวเมียจะอยู่ต่างต้นกัน มีทั้งดอกเดี่ยวและเป็นช่อ กลีบดอกสีขาว ผลกีวีมีรูปทรงไข่ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางผล 5 ซม. สีน้ำตาล มีขนเส้นเล็ก ๆ ปกคลุมทั่วผล เนื้อในสีเขียวใส เนื้อหนา ชุ่มน้ำ รสอมเปรี้ยวอมหวาน
มาดูพันธุ์ของ กีวี ที่ได้รับความนิยมปลูกกัน ครับ ว่ามีพันธุ์อะไรกันบ้าง

พันธุ์กีวีที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
o พันธุ์ Abbott มีรูปร่างกลมรี ขนยาวปกคลุมทั่วผล
o พันธุ์ Allison รูปร่างกลมรี คล้ายกับพันธุ์ Abbott แต่มีขนาดใหญ่กว่า
o พันธุ์ Bruno ผลใหญ่ ยาวรีกว่าพันธุ์อื่น ๆ ผิวเปลือกสีน้ำตาลเข้ม ขนอ่อนสั้นและเปราะ
o พันธุ์ Hayward ผลเป็นรูปไข่ ผิวเปลือกสีน้ำตาลอมเขียวมีขนอ่อนปกคลุมทั่วเปลือก
o พันธุ์ Monty เป็นพันธุ์ที่ตรงขั้วผลสอบ ส่วนท้ายผลโค้งมีขนอ่อนปกคลุม ขนาดผลใกล้เคียงกับพันธุ์ Abbott และ Allison
ส่วนในประเทศไทย  จะมีปลูกอยู่  5 สายพันธุ์  คือ
กีวีที่ปลูกบนดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ มี 5 สายพันธุ์ พันธุ์ที่ปลูกเพื่อการค้า ได้แก่ พันธุ์ Bruno และ Hayward ปลูกเพื่อการศึกษา ได้แก่ พันธุ์ Abbott, Monty และ Dexter ให้ผลเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน กีวีเป็นผลไม้ที่สามารถเก็บไว้ได้นานถึงครึ้งปีหรือหนึ่งปี เนื่องจากเปลือกของกีวีมีคุณสมบัติห่อหุ้มเนื้อได้ดี เนื้อกีวีรสหวานอมเปรี้ยว ชุ่มคอ กินเป็นผลไม้สด และนำมาแปรรูปได้หลายอย่าง เช่น กีวีแช่แข็ง กีวีกวน กีวีตากแห้ง กีวีกระป๋องใช้ทำน้ำผลไม้ และไวน์ขาว ผลกีวีสดนิยมนำมาใช้แต่งหน้าเค้กและสลัดให้มีสีสันสวยงาม

นอกจากนี้กีวียังใช้ปรุงอาหารจานเนื้อและเป็นส่วนผสมในการหมักเนื้อได้ ด้วย เพราะกีวีมีเอนไซม์ช่วยการย่อยโปรตีน ทำให้เนื้อนุ่มชึ้น
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
กีวี มีสารอาหารหลายชนิด เช่น เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินอี และมีเส้นใยมาก ให้แคลอรี่ต่ำและไม่มีโคเลสเตอรอล

กีวียังได้ชื่อว่าเป็น สุดยอดพลังสารอาหาร  และเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ  คือ 
แหล่งวิตามินซีในปริมาณสูงสุด
นอกจากกีวีสีเขียวที่เราคุ้นเคย ยังมีกีวีโกลด์ หรือกีวีสีทองให้เลือกบริโภค กีวีทั้งสองชนิดมีปริมาณวิตามินซีสูงสุดหากเทียบกับผลไม้ขึ้นชื่อเรื่อง วิตามินซี อาทิ ส้ม หรือมะละกอ จากการวิจัยพบว่ากีวีหนึ่งผล มีวิตามินซีมากกว่าส้มหนึ่งลูกถึง 74% การรับประทานกีวีสองผลต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็นได้ชัด ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันโรคซึ่งเป็นเกราะธรรมชาติที่ช่วยป้องกัน ไข้หวัด และไข้หวัดใหญ่ และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ


อุดมด้วยโฟเลต สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
โฟเลตมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารพันธุกรรม จึงจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กทารกและคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการเซลล์ใหม่เป็นจำนวนมาก การรับประทานโฟเลตเป็นประจำทั้งก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ ยังช่วยทำให้ผิวและเซลล์เม็ดเลือดมีสุขภาพดี กีวีมีปริมาณโฟเลตสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับกล้วย มะม่วง สัปปะรด และแอปเปิ้ล โดยมากกว่ากล้วย 49% และมากกว่ามะม่วงถึง 112.8%
สุดยอดคุณค่าวิตามินอี
วิตามินอีได้รับการขนานนามว่าช่วยชะลอความแก่ชรา ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ คุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระของวิตามินอี นอกจากจะช่วยป้องกันเซลล์จากการเสื่อมสภาพแล้ว ยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยในการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย จากการวิจัยพบว่ากีวีมีปริมาณวิตามินอีสูงสุด โดยเฉพาะกีวีทอง ซึ่งมีวิตามินอีมากกว่ามะม่วงถึงหนึ่งเท่า

เต็มที่ด้วยพลังไฟเบอร์
ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานในร่างกาย แต่เข้าไปยึดพื้นที่ในระบบทางเดินอาหารทำให้อิ่มได้เร็วและนาน นอกจากนี้ยังช่วยชำระล้างและปรับปรุงระบบย่อยอาหาร รวมถึงส่งเสริมให้หัวใจและร่างกายแข็งแรง กีวีเขียวหนึ่งผลมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่ากล้วย 15% และมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25%
กีวีนอกจากจะนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม  เครื่องปรุงอาหาร  และผลไม้แล้ว  ยังสามารถทำเป็นไอศกรีมได้ด้วย  มาดูวิธีการทำ จากยูทูปกันครับ


ขอขอบคุณแหล่งที่มา        misterfruitthailand.com
                                                Kapook.com
                                                Foodtravel.tv @ youtube.com
                                              .thaihealth.or.th/healthcontent/healthtips/25066  สสส.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น